วันจันทร์, พฤศจิกายน 17, 2551

ปาย ปางอุ๋ง

วันพุธ, ตุลาคม 15, 2551

เที่ยวสุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

สุโขทัย


มรดกล้ำเลิศ กำเนิดลายสือไทย เล่นไฟลอยกระทง มั่นคงพระพุทธศาสนา งามตาผ้าตีนจก สังคโลกทองโบราณ สักการะแม่ย่าพ่อขุน รุ่งอรุณแห่งความสุข


สุโขทัย เมืองแห่ง "รุ่งอรุณอันแสนสุข" ราชธานีแห่งแรกของชาติไทย เมื่อ 700 ปีมาแล้ว โดยมีพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ เป็นปฐมกษัตริย์ ตลอดระยะเวลา 120 ปี ราชวงศ์สุโขทัย มีกษัตริย์ปกครองหลายพระองค์ ที่สำคัญคือ "พ่อขุนรามคำแหงมหาราช" ผู้ทรงประดิษฐ์อักษรไทย และวางรากฐานการเมือง การปกครอง ศาสนา ตลอดจนขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวาง


อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย


ร่อง รอยอดีตแห่งความภาคภูมิใจของคนไทยและของคนทั้งโลก จนได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นแหล่งมรดกโลก เมื่อ พ.ศ. 2534 สัมผัสได้ถึงแหล่งอารยธรรมอันรุ่งเรือง สถาปัตยกรรมอันงดงามวิจิตรบรรจง และเป็นเอกลักษณ์ เมืองเก่าสุโขทัย อยู่ห่างจากตัวจังหวัดสุโขทัยไปทางทิศตะวันตกประมาณ 12 กิโลเมตร ประกอบไปด้วย โบราณสถานทั้งภายในและภายนอกกำแพงเมือง อาทิ


พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช


วัด มหาธาตุ เป็นวัดสำคัญศูนย์กลางของกรุงสุโขทัย พระเจดีย์มหาธาตุทรงดอกบัวตูม หรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เป็นศิลปะแบบสุโขทัยแท้ ตั้งเป็นเจดีย์ประธาน จากการสำรวจพบว่าบริเวณวัดมหาธาตุมีเจดีย์แบบต่างๆ มากถึง 200 องค์ มีแท่นซึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือ พระศรีศากยมุนี ปัจจุบันได้รับการเคลื่อนย้ายไปอยู่ที่วัดสุทัศน์ฯ กรุงเทพมหานคร


วัดศรีสวาย ประกอบด้วย ปรางค์ 3 องค์ รูปแบบศิลปะลพบุรี ลวดลายปูนปั้นบางส่วนเหมือนลายบนเครื่องถ้วยจีน สมัยราชวงศ์หยวน ได้พบทับหลังสลักเป็นรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ ชิ้นส่วนของเทวรูป และศิวลึงค์อีกด้วย


ส่วนสถานที่สำคัญนอกกำแพงเมืองด้านเหนือ ได้แก่


วัด พระพายหลวง เป็นโบราณสถานขนาดใหญ่ มีความสำคัญเป็นอันดับสอง รองจากวัดมหาธาตุ ผังวัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีคูน้ำล้อมรอบ 3 ชั้น คูชั้นนอกเรียกว่า คูแม่โจน วัดพระพายหลวงเป็นศูนย์กลางของชุมชน


วัด ศรีชุม เป็นวัดที่ประดิษฐาน พระอจนะหรือพระพูดได้ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ผนังด้านข้างขององค์พระอจนะมีช่องเล็กๆ ถ้าหากใครแอบเข้าไปทางอุโมงค์แล้วไปโผล่ที่ช่องนี้ และพูดออกมาดังๆ ผู้ที่อยู่ภายในวิหารจะต้องนึกว่าพระอจนะพูดได้ และเสียงพูดนั้นจะกังวานน่าเกรงขาม เพราะวิหารนี้ไม่มีหน้าต่าง แต่เดิมคงมีหลังคาเป็นรูปโค้งคล้ายโดม ดูเข้มขลังและศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง


นอก จากนั้น โบราณสถานในเขตอุทยานประวัติศาสตร์ยังมีอีกหลายแห่งที่น่าสนใจ ได้แก่ กำแพงเมืองสุโขทัย วัดชนะสงคราม เนินปราสาทพระร่วง วัดตระพังเงิน วัดสระศรี วัดศรีสวาย ศาลตาผาแดง แหล่งโบราณคดีเครื่องปั้นดินเผาสุโขทัย (เตาทุเรียง) วัดสะพานหิน วัดเชตุพน วัดเจดีย์สี่ห้อง วัดช้างล้อม วัดตระพังทองหลาง เรียกได้ว่า เป็นทุ่งแห่งอารยธรรมที่ได้ทั้งความรู้ ได้ชื่นชมทัศนียภาพที่สวยงาม และถ้าใครอยากออกกำลังกาย ก็สามารถปั่นจักรยานชมความงามรอบๆ ได้อีกด้วย


สินค้าขึ้นชื่อของสุโขทัยนั้น อย่างแรกที่จะกล่าวถึงนั่นก็คือ


ผ้า ขิด ซึ่งหมายถึงผ้าทอแบบพื้นบ้านที่มีลวดลายด้วยการเพิ่มเส้นด้ายพุ่งพิเศษ โดยใช้ขนเม่น หรือตะขอสะกิดเส้นด้ายยืนบางเส้นให้สูงขึ้น ซึ่งลวดลายของผ้าขิดที่นี่นั้นเด่นชัด เส้นด้ายชิดแน่นต่อเนื่อง รูปลายซ้ำเรียงกันตามความกว้างของผืนผ้า


ผ้าทออีกประเภทที่น่าสนใจ คือ ผ้าทอมือลายขัดพื้นฐาน เป็นการทอแบบขัดสานกัน ระหว่างเส้นด้ายยืน และเส้นด้ายพุ่ง แบบขึ้น 1 เส้น ลง 1 เส้น ผ้าทอจากล้านหนองเตาปูนนั้นประณีตลวดลายสวยงามเสมอกัน เหมาะเป็นของฝากสำหรับผู้ใหญ่


ก่อนจะเที่ยวกันต่อที่อำเภอศรีสัชนาลัย แวะชมและเลือกซื้อผ้าทอมืออีกประเภท ที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของสุโขทัย นั่นก็คือ


ผ้า ตีนจก ผ้าจก นั้นหมายถึง ผ้าลวดลายที่ใช้เทคนิคการทอแบบการใช้นิ้วมือ หรือวัสดุปลายแหลมนับเส้นด้ายยืน ยกขึ้น แล้วจกเส้นด้ายเพิ่มพิเศษสีต่างๆ ตามลวดลายที่ต้องการ มีทั้งจกเฉพาะเชิง หรือจกตลอดผืน ซึ่งบางผืนที่จกทั้งผืน อาจใช้เวลาทอเป็นหลายๆ เดือนเลยทีเดียว ซึ่งผ้าตีนจกบ้านหาดเสี้ยวนี่ยังคงกรรมวิธีการทอแบบโบราณ ซึ่งทำให้ได้สินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ ประณีตเรียบร้อย และงดงามยิ่ง


ในระหว่างทางผ่านอำเภอศรีสำโรง แนะนำให้แวะเลือกซื้อ


เครื่อง เคลือบดินเผา ชมถ้วยชาม แจกัน ภาชนะสวยๆ งามๆ ทำจากดินเผาเนื้อดี อนุรักษ์วัฒนธรรมชาวสุโขทัยด้วยการเขียนลายพื้นบ้านแบบโบราณ ดูมีเอกลักษณ์ ได้มาตรฐานเพราะไม่มีรอยแตกร้าว ไม่รั่วซึม หรือรูปทรงบิดๆ เบี้ยวๆ ลายที่เขียนก็ไม่ละลาย ไม่มีอันตราย เหมาะซื้อไปใช้ในครัวเรือน แถมมีบรรจุภัณฑ์ใส่ให้อย่างสวยงาม จะซื้อไปเป็นของฝากก็เก๋ไก๋น่าดู


ในอำเภอศรีสัชนาลัย มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่น่าสนใจอยู่หลายแห่งด้วยกัน


อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย


ตั้ง อยู่ที่ ตำบลเมืองเก่า บริเวณที่เรียกว่า แก่งหลวง ห่างจากตัวอำเภอศรีสัชนาลัยลงมา ทาง อำเภอสวรรคโลก 11 กิโลเมตร มีโบราณสถานสำคัญภายในบริเวณ ได้แก่


วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หรือวัดพระบรมธาตุเมืองเชลียง และเรียกอีกชื่อว่า วัดพระปรางค์ ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองเก่าศรีสัชนาลัย ลงไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นกลุ่มโบราณสถานขนาดใหญ่ และเป็น




พระอารามหลวงชั้นราชวรวิหาร


วัดเขาพนมเพลิง ตั้งอยู่บนยอดเขาพนมเพลิงภายในกำแพง


วัดเขาสุวรรณคีรี กลุ่มโบราณสถานที่สำคัญ คือ เจดีย์ประธานทรงกลมองค์ระฆังขนาดใหญ่ก่อด้วยศิลาแลง


วัด ช้างล้อม โบราณสถานที่สำคัญคือ เจดีย์ประธานทรงลังกา ตั้งอยู่ภายในกำแพงแก้วสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตั้งอยู่บนฐานประทักษิณรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่ฐานเจดีย์มีช้างปูนปั้นยืนหันหลังชนผนังเจดีย์อยู่โดยรอบ


วัดนาง พญา เป็นวัดที่มีลวดลายปูนปั้นงดงามมาก ปรากฏอยู่บนซากผนังวิหาร ลวดลายต่างๆ ทำด้วยสังคโลกไม่เคลือบ ผนังด้านใต้มีลวดลายปูนปั้น


สถานที่น่าสนใจอื่นๆ ในบริเวณนั้นที่น่าสนใจ ได้แก่ วัดเจดีย์เจ็ดแถว วัดสวนแก้วอุทยานใหญ่ วัดสวนแก้วอุทยาน วัดชมชื่น


เสร็จจากการชมศิลปวัฒนธรรมแล้ว หากใครอยากเยี่ยมชมธรรมชาติก็มีสถานที่ที่น่าสนใจ นั่นก็คือ


อุทยาน แห่งชาติศรีสัชนาลัย มีทั้ง น้ำตกตาดเดือน เป็นลานหินกว้าง และแอ่งน้ำเหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ ถ้ำธาราวสันต์ โดยรอบบริเวณถ้ำจะพบกับพรรณไม้ และสัตว์ป่า น้ำตกห้วยทรายขาว น้ำตกตาดดาว ถ้ำค้างคาว ซึ่งเป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม และเป็นที่อยู่ของค้างคาวนับแสนตัว


มาถึงสุโขทัย สินค้าอีกอย่างที่จะไม่แวะจับจองเป็นเจ้าของไม่ได้เลย นั่นก็คือ เครื่องปั้นดินเผาและเครื่องถ้วยชามสังคโลก ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดสุโขทัย เป็นเครื่องปั้นดินเผาเนื้อแกร่งที่มีการเขียนลวดลายแบบสมัยโบราณของยุค สุโขทัย เช่น ลายจักร ปลา ก้านขด สังข์ เป็นต้น มีทั้งแบบเคลือบและไม่เคลือบ สีของดินจะออกสีน้ำตาล ดำ และเขียว กรรมวิธีการผลิตนั้นได้ตามมาตรฐาน มผช. คือรูปทรงได้สัดส่วน ไม่มีรอยบิ่น หรือรั่วซึม ลวดลายและสีกลมกลืนสวยงาม เหมาะที่จะซื้อเป็นของที่ระลึกหรือของขวัญทุกเทศกาล


ข้อมูลจาก มติชน

วันศุกร์, ตุลาคม 03, 2551

ประกวดภาพถ่ายการเดินทางท่องเที่ยว Pix-Photo Show

เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวการเดินทาง เติมสีสรรในการเดินทางของเพื่อนๆ สมาชิก ทุกท่าน
ทาง trekkerhut.com โดย ป๋าคมรัฐ คุณmamgapee และนายนัท กับเหล่าสหาย
เปิดประกวดภาพถ่ายจากการเดินทางท่องเที่ยว
ระยะเวลาส่งภาพประกวด
ในระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2551 - 31 มกราคม 2552


อ้างถึง:
เงื่อนไขการประกวด
ภาพที่ส่งมาจากการเดินทางในทริปใดๆ ก็ได้ของ
http://www.trekkerhut.com/
http://www.changbooking.com/
http://www.kao-sok.com/
และโปรแกรมเดินป่า ของป๋าคมรัฐ
สำหรับบุคคลท่านอื่นๆ
ต้องเป็นสมาชิกเวปบอร์ด หรือเป็นเพื่อนที่เคยท่องเที่ยวกับเรา แล้วภาพที่ส่งต้องมาจากการเดินทางของท่านเองไม่ได้ไปกับ
ทัวร์ใดๆ
ภาพที่ส่งประกวดเปิดอิสระทางความคิด ไม่จำกัดขอบเขต การถ่าย ไร้กฎเกณฑ์ ไม่ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบภาพ
หรือรูปแบบใดๆ แต่คำนึงถึงมุมมอง การเล่าเรื่อง และ ชื่อภาพที่ส่ง ถ้าคุณคิดว่ามุมมองนี้ ภาพนี้ใช่ได้ก็ส่งมาเลย



การส่งภาพประกวด
ท่านสมาชิก สามารถส่งภาพประกวดได้ ดังต่อไปนี้
post ภาพ ในกระดาษข่าว ห้องร้อยแปด พันเก้าเท่านั้น
ส่งทางเมล ได้ที่
nut2go@hotmail.com
sitdo@hotmail.com
love.pai@hotmail.com
หรือท่านสามารถส่งเป็นภาพ ขนาดใดก็ได้ มาตามที่อยู่ของ web
ทุกภาพที่ส่งต้องเขียนชื่อภาพ และสถานที่ สำหรับเพื่อนสมาชิกที่ไปทริปกับเรากรุณาบอกทริปที่เดินทาง
การตัดสิน และประกาศรางวัล
ประกาศ รางวัล นะวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552
ของรางวัล
รางวัล 1
เลือกท่องเที่ยวฟรี ในทริปในประเทศใดก็ได้ 1 ทริป มูลค่าใดก็ได้
พร้องของขวัญ วันแห่งความรัก ชุดใหญ่ จากนายนัท (นายนัทบอกพยายามหากล่องใหญ่ๆ ให้ )
รางวัล 1
เดินทางไปทริปลาว สะบายดีหลวงพระบาง โดยจ่ายเงินเพียง 1990 บาท
พร้อมของขวัญ เยือนเมืองลาว ให้ที่เมืองหลวงพระบาง จากนายนัท
รางวัล 1 สำหรับภาพที่มาจาก ทริปเดินป่า
ทริปเดินป่า ทริปไหนก็ได้ รางวัลอยู่ตามการพิจารณาของป๋า
จุดของขวัญ สำหรับนักเดินป่า 1 ชุดจากนายนัท
ทำไมรางวัลที่ 1 หลายรางวัล ก็อยากให้ทุกคนเป็นที่หนึ่งมหดเลยไง
รางวัล 2
เลือกรางวัลเป็นเงิน 13,500 กีป (จ่ายเป็นเงินกีป จริงๆ นะ ขอบอก)
หรือแปลงเงินเป็น ค่าทริปได้ส่วนลดเป็น 1000 บาท สำหรับทริปต่างประเทศทุกทริป
พร้อมหนังสือท่องเที่ยว จาก พี่แท่งจำนวน 1 เล่ม
รางวัล 2
เลือกรางวัลเป็นเงิน 13,500 กีป (จ่ายเป็นเงินกีป จริงๆ นะ ขอบอก)
หรือแปลงเงินเป็น ค่าทริปได้ส่วนลดเป็น 27,000 กีบ สำหรับทริปต่างประเทศทุกทริป
พร้อมเสื้อสะบายดีหลวงพระบาง 1 ตัว
รางวัล 3 จำนวน 2 รางวัล
ThamDrive ขนาด 1 G
รางวัล 4 จำนวน 3 รางวัล
หนังสือท่องเที่ยวเวียดนาม หรือ แชงกีล่า ของพี่แท่ง พร้อม คูปองเงินท่องเที่ยว ในประเทศ มูลค่า 200 บาท
รางวัลรวม สำหรับ ทุกท่าน ทุกรายชื่อ ที่ส่งภาพประกวด โดยทำการสุ่มจากรายชื่อที่ส่งภาพประกวด
1. เสื้อขอบใจเด้อ จากเมืองหลวงพระบาง 10 รางวัล
2. ถุงผ้า เล็กๆ รักษ์โลก จำนวน 20 ใบ
3. ของที่ระลึกอื่นๆ ที่สะสม จากการเดินทาง ของนายนัท จำนวน 10 รางวัล
4. ของที่ระลึกของปะป๋า คมรัฐ 5 รางวัล
( อันนี้จะจับรายชื่อ พวกเดินป่าแจกแยกต่างหาก แล้วยังไม่ได้ขอรางวัลจากป๋าเลย อาจจะให้เป็นไมล์สะสม ที่ป๋าแถมให้ในทริปต่อไป )
เงื่อนไขการประกวด
รางวัลสำหรับทริป ในและต่างประเทศที่มอบให้ ต้องเป็นทริที่จัดดำเนินการโดย เวป และต้องใช้ในช่วงวันหยุดเทศกาล เท่านั้น
สมาชิก 1 ท่านสามารถส่งประกวดได้หลายภาพไม่จำกัด แต่ถ้าได้รางวัลมากกว่า 1 รางวัล ขอมอบรางวัลที่ใหญ่รางวัลเดียว
ในกรณี ที่จบระยะเวลาการประกวด ปรากฏว่าจำนวนภาพที่ส่ง มีจำนวนน้อยกว่า จำนวนรางวัล ของสงวนที่จะตัดรางวัลใหญ่เหลือ
ตามความเหมาะสม
รางวัลต้องใช้สิทธิ์ จากวันประกาศรางวัลใน 1 ปี
การตัดสินรางวัล ขึ้นกับการพิจารณาให้คะแนน ของคณะทำงานถือเป็นที่สิ้นสุด
จำนวนรางวัล สามารถเพิ่มได้ตามความเหมาะสม

วันอาทิตย์, กันยายน 21, 2551

grand hotel luang prabang

grand hotelGrand Hotel
โรงแรมGrand หลวงพระบาง ตั้งอยู่ทางแยกไปน้ำตกตาดกวางสี
ประวัติเคยเป็นวังเก่า วังเชียงแก้ว

อยู่ไม่ไกลจากความสะดวกครบครันที่ หลวงพระบาง จะสามารถให้ได้ และมีระยะทาง เพียง 6 กม. (3 ไมล์) จาก สนามบินนานาชาติของ หลวงพระบาง ห้องทั้งหมด 78 ห้องในโรงแรมระดับ 4-ดาว แห่งนี้ได้รับการตกแต่งให้ตอบสนองความต้องการของผู้เข้าพัก มี ห้องครัวเล็กๆ, เครื่องเป่าผม, เสื้อคลุมอาบน้ำ, โทรทัศน์ (เคเบิล), เครื่องปรับอากาศ, มินิบาร์ ในห้องพักแต่ละห้องซึ่งได้รับการตกแต่งไว้เป็นอย่างดีของโรงแรม โรงแรมสุดหรูใน หลวงพระบาง แห่งนี้ ยังมี สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ, บริการรถรับส่งจาก/ถึงสนามบิน, ห้องจัดเลี้ยง, บริการซักรีด, ร้านอาหาร ให้อีกด้วย ผู้เข้าพักสามารถใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการกีฬาหรือการพักผ่อนหย่อนใจ อย่างเช่น บริการนวดได้ที่โรงแรมแห่งนี้ โรงแรมที่มีเสน่ห์แห่งนี้ได้รับความนิยมมายาวนานใน หลวงพระบาง

วันอังคาร, สิงหาคม 12, 2551

จังหวัด ใน ประเทศลาว ลาว

ชื่อ เมืองเอก พื้นที่ (km²) ประชากร

1. แขวงอัดตะปือ เมืองสามักคีไซ 10,320 134,000
2. แขวงบ่อแก้ว เมืองห้วยซาย 6,196 169,000
3. แขวงบอลิคำไซ เมืองปากซัน 14,863 244,000
4. แขวงจำปาสัก เมืองปากเซ 15,415 595,000
5. แขวงหัวพัน เมืองซำเหนือ 16,500 340,000
6. แขวงคำม่วน เมืองท่าแขก 16,315 360,000
7. แขวงหลวงน้ำทา เมืองหลวงน้ำทา 9,325 153,000
8. แขวงหลวงพระบาง เมืองหลวงพระบาง 16,875 410,000
9. แขวงอุดมไซ เมืองไซ 15,370 280,000
10. แขวงพงสาลี เมืองพงสาลี 16,270 200,000
11. แขวงสาละวัน เมืองสาละวัน 10,691 340,000
12. แขวงสะหวันนะเขด เมืองไกสอน พมวิหาน 21,774 7 31,000
13. นครหลวงเวียงจันทน์ เมืองจันทะบูลี หรือ เมืองเวียงจันทน์ 3,920 702,000
14. แขวงเวียงจันทน์ เมืองโพนโฮง 15,927 384,000
15. แขวงไซยะบูลี เมืองไซยะบูลี 16,389 386,000
17. แขวงเซกอง เมืองละมาม 7,665 85,000
18. แขวงเชียงขวาง เมืองโพนสะหวัน 15,880 275,000

วันจันทร์, สิงหาคม 11, 2551

การเดินทางไปเมือง หลวงพระบาง ประเทศลาว

การเดินทางไปประเทศลาว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

ประเทศไทยมีพรมแดนติดต่อกับประเทศลาวระยะทางยาวตามแนวแม่น้ำโขง
สมัยก่อนเราสามารถข้ามแดนได้ตามด่านท่าเรือ

ปัจจุบันเราสามารถเลือกเดินทาง ไปประเทศลาวได้ 3 ทาง

  1. ทางรถ จากกรุงเทพ ไปหนองคาย ข้ามด่าน ที่สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว แห่งที่ 1 สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว แห่งแรก 1st Thai-Lao Friendship Bridgeเป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขงขนาดใหญ่แห่งแรก โดยเชื่อมต่อเทศบาลเมืองหนองคายเข้ากับนครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว หรือ ท่านาแล้ง-หนองคาย สะพานแห่งนี้ได้ทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2537 ปัจจุบัน สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว แห่งที่ 1 ด่านหนองคาย-ท่านาแล้งได้เปิดเดินรถไฟ ระยะทาง 3-5 กิโลเมตร ผ่านสะพาน
    มิตรภาพไทย ลาว-ดงโพสี เปิดให้รถไฟเดินทางวันละ 2 เที่ยว
  2. ทางเรือ จาก ทางเรือเชียงของ ห้วยทราย ตามลำน้ำโขง ผ่านห้วยแบ่ง ไปขึ้นท่าเรือเมืองหลวงพระบาง การเดินทางด้วยเรือ มีแบบ 2 แบบ
    - แบบเรือเร็ว นั่งก่อนเวลา 8 โมงเช้า ด้วยเรือหางยาว จะถึงหลวงพระบางก่อนค่ำ
    - แบบเรือช้าจะออกประมาณ 10 โมงเช้า พักกลางทางที่ ห้วยแบ่ง 1 คืน อีกวันถึงเดินทางต่อไปเมือง หลวงพระบาง
  3. โดยเครื่องบิน มีสายการบิน 2 สายที่บินตรงไปเมือง หลวงพระบาง
    - สายการบินบางกอกแอร์เวย์ มีตารางบินทุกวัน
    - สายการบินลาว

หลวงพระบาง ลาว ประเทศลาว บางกอกแอร์เวย์

วันอาทิตย์, สิงหาคม 10, 2551

วีดีโอ สารคดี เมือง หลวงพระบาง ประเทศลาว

หลวงพระบางเป็นเมืองเก่าแก่ของอาณาจักรล้านช้าง ตั้งแต่สมัยสถาปนาอาณาจักร ซึ่งแต่เดิมมีชื่อว่าเมืองชวา และเมื่อ พ.ศ. 1300 ขุนลอ ซึ่งถือเป็น ปฐมกษัตริย์ลาวได้ทรงตั้งเมืองชวาเป็นราชธานีของอาณาจักรล้านช้างและได้เปลี่ยนชื่อเมืองใหม่ว่าเชียงทองเมื่อพระเจ้าฟ้างุ้ม (พ.ศ. 1896 - พ.ศ. 1916) เสด็จกลับจากกัมพูชา อันเนื่องจากพระองค์และพระบิดาต้องเสด็จลี้ภัยเพราะถูกขับไล่จากกษัตริย์องค์ก่อน ซึ่งแท้จริงก็คือพระอัยกาของเจ้าฟ้างุ้มนั่นเอง เจ้าฟ้างุ้มทรงรวบรวมกำลังขณะอยู่ในเสียมเรียบ และนำกองทัพนับพันกำลังเพื่อกู้ราชบัลลังก์กลับคืน และสถาปนาอาณาจักรขึ้น ต่อมาในสมัยพระโพธิสารราชเจ้าพระองค์ได้อาราธนาพระบางซึ่งเดิมประดิษฐานอยู่ที่เมืองเวียงคำ ขึ้นมาประดิษฐานอยู่ที่เมืองเชียงทองอันเป็นนครหลวง เมืองเชียงทองจึงถูกเรียกว่า หลวงพระบาง นับแต่นั้นมา

วันศุกร์, สิงหาคม 08, 2551

ถ้ำน้ำทะลุ

ถ้ำน้ำทะลุ
อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ถ้ำน้ำทะลุ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ถ้ำน้ำหลุ อยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ขส. 4 (คลองแปะ) ประมาณ 3 กิโลเมตร ริมอ่างเก็บน้ำเชี่ยวหลาน โดยต้องนั่งเรือจากท่าเรือเขื่อนรัชชประภาไปประมาณ 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นเข้าไปตามคลองแปะอีกประมาณ 15 นาที แล้วเดินเท้าต่อไปประมาณ 2 กิโลเมตร จึงถึงถ้ำทะลุ ที่มีปากถ้ำกว้างใหญ่ถึง 30 เมตร ภายในกว้างขวางมีลำธารไหลผ่านตลอดความยาว 600 เมตร ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อย รวมทั้งโขดหินที่เกิดจากการกัดเซาะของสายน้ำจนมีรูปทรงแปลกตา หรือสามารถเดินเท้าจาก กิโลเมตรที่ 99 เข้าไปถึงถ้ำน้ำทะลุประมาณ 12 กิโลเมตร

สนใจโปรแกรมท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติเขาสก


วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 07, 2551

ตามหาดอกบัวผุด,แพโตนเตย,เขื่อนเชี่ยวหลาน,ถ้ำน้ำทะลุ,นอนบ้านต้นไม้,กุ้ยหลินเมืองไทย จังหวัดสุราษฎร์ธานี







โปรแกรมท่องเที่ยว 3 วัน 2 คืน

เขาสก ตามหาดอกบัวผุด ณ อุทยานแห่งชาติเขาสก**ชมวิวสันเขื่อนรัชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน)**แพโตนเตย**ขุนเขาแห่งกุ้ยหลิน**ถ้ำน้ำทะลุ**ส่องสัตว์ดูนกเงือกเลือกคู่ **ล่องแพไม้ไผ่ ชม ถ้ำประการัง ที่แพ 500 ไร่ ทะเลสาบน้ำจืด จังหวัดสุราษฎร์ธานีเมืองร้อยเกาะ**เงาะอร่อย**หอยใหญ่**ไข่แดง**แหล่งธรรมะ
อุทยานแห่งชาติเขาสก ดินแดนศูนย์กลางของ "ขุนเขาแห่งป่าฝน" เป็นผืนป่าดิบชื้นผืนใหญ่ที่สุด และมีความสำคัญของภาคใต้ มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง อุดมไปด้วย พืชพรรณมากมาย หลายชนิด ทั้งพืชพรรณที่หายาก และเป็นพืชเฉพาะถิ่น อันได้แก่ บัวผุด ปาล์มเจ้าเมืองถลาง หรือปาล์มหลังขาว และปาล์มพระราหู


วันเดินทาง

20.00 น. นัดพบกันที่ ปั้ม ปตท. ตึกชินวัตร 3 ถนนวิภาวดีรังสิต

วันแรก สุราษฎร์ธานี บ้านตาขุน เขื่อนเชี่ยวหลาน แพนางไพร กุ้ยหลินเมืองไทย แพโตนเตย ถ้ำน้ำทะลุ ลอยคอเล่นน้ำกลางทะเลสาบ

06.00 น. แวะทานอาหารเช้าที่ อ.บ้านตาขุน (โจ๊ก กาแฟ โอวัลติน ปาตั้งโก๋) เลือกซื้อขนม ผลไม้ พื้นบ้าน ทานในเรือ
08.00 น.ไปถ่ายรูปชมวิวบนสันเขื่อนรัชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) ระหว่างเดินทางไปท่าเรือ จะได้เห็น ทะเล หมอกหนาแน่น ตามสภาพภูมิอากาศ สวยงามยิ่งนักได้เวลาก็ไปล่องเรือหางยาวกัน เพื่อเดินทางไป แพโตนเตย โดยเรือหางยาว เป็นแพของหน่วยพิทักษ์อุทยานทางน้ำ ขส 4 คลองแปะ ระหว่างทาง จะได้ชม ทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงาม ขุนเขา หินปูน ทอดยาวสลับไปมา หน้าผาหินปูนสีสันแปลกตา ผืนน้ำสีเขียวมรกต สลับกับเกาะแก่ง ต่าง ๆ นกเหยี่ยวปลา บนยอดไม้กลางลำน้ำ แวะชมเขาหน้ายักษ์ เขาหินปูนสามต้น เป็นหุบ เขากลางทะเลสาบ หากปรบมือ หรือส่งเสียงเรียกร้อง เสียงจะ สะท้อนกลับ จนได้ชื่อว่า กุ้ยหลินเมืองไทย แวะเยี่ยมชม แพนางไพร เป็นหน่วยพิทักษ์อุทยานทางน้ำ ขส 3 มีปลาตะเพียนหางแดงเยอะที่สุดและปลายักษ์ ซึ่งมาอาศัยเองตามธรรมชาติ ของโปรดคือเมล็ดข้าวโพดดิบ สามารถซื้อได้ที่นั่น ถุงละ 10 บาท ได้เวลา ก็เดิน ทาง ต่อไปแพโตนเตย เป็นลักษณะแพไม้ไผ่ หลังคาจาก จะลอย อยู่ เหนือ ผิวน้ำ ห้องน้ำอยู่เชิงเขาเดินประมาณ ร้อยเมตรค่ะ
12.00 น. พร้อมกันที่แพรับรองแขก เพื่อทานอาหารเที่ยงเอาแรงกันก่อน พักผ่อนอัธยาศัย เปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว รองเท้ารัดส้น คอยที่หน้าแพ
13.30 น. เตรียมไฟฉาย ล่องเรือหางยาวลำเดิม ขึ้นอยู่กับระดับน้ำ หากน้ำเยอะ ก็เดินน้อยหน่อย หากน้ำน้อยก็เดินไกล ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ๆ ก็จะถึงบริเวณปาก ถ้ำน้ำทะลุ มีหมู่ผีเสื้อหลากพันธุ์ หินสีแปลกตา ถ้ำมีธารน้ำ ไหลลอดถ้ำ เข้าทาง ออกอีกทาง รวมใช้เวลาไปกลับประมาณ 3 ชม. เป็นเส้นทางราบ เดินลัดเลาะตามธารน้ำ มีค้างคาวในถ้ำ ใครว่ายน้ำไม่เป็นก็พกชูชีพติดตัวไป ด้วยค่ะ ก่อนออกจากถ้ำ น้ำจะลึกท่วมศีรษะ แต่แค่ ระยะ สั้นๆ และมีเชือกให้เกาะสาว ปล่อยตัวลอยไปตามกระแสน้ำ ไหลออกจากปากถ้ำ ไม่ต้องกลัวจม (ใครจะเล่นน้ำ พายเรือคยัค คอยเพื่อนที่แพก็ได้ ไม่บังคับ เหมาะสำหรับเพื่อนที่ต้องการผจญภัยความมืดในถ้ำ เดินไปกลับประมาณ 6 กม. มีทาก 1-2 ตัว) หรือไม่มีเลย หากช่วงฝนตก มีมากกว่า 1-2 ตัวแน่นอนค่ะ
16.30 น. ล่องเรือกลับ จะพาไปลอยคอเล่นน้ำกลางทะเลสาบ ที่หน้าแพ เวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำ ชมพระอาทิตย์ตกน้ำกัน ลอยคอดูนกเงือกเลือกคู่ บนยอดไม้ (เตรียมกล้องส่องทางไกลไปด้วย หากมี) ได้เวลาเบื่อแล้ว ก็กลับที่พัก อาบน้ำ แต่งตัว
19.00 น.ทานอาหารมื้อค่ำพร้อมกัน สังสรรค์กันตามอัธยาศัย กลางคืนทางแพเปิดเครื่องปั่นไฟถึง 23.00 น. เท่านั้น จึงควรเตรียมไฟฉายส่วนตัว เผื่อต้องเข้าห้องน้ำตอนดึกดื่น เพราะต้องเดินขึ้นเขาประมาณ 100 เมตร เหนื่อยเอาการเลยล่ะ แต่สนุก

วันที่สอง ทะเลหมอกยามเช้า แพเพลินไพร ถ้ำประการัง ล่องแก่งห่วงยาง (หน้าฝน) นอนบ้านต้นไม้

06.00 น. ล่องเรือหางยาว ไปชมวิวสายหมอกขุนเขายามเช้า จิบกาแฟบนเรือไปพรางๆ เฝ้าดูนกเงือก นกต่าง ๆ ชะนี ลิง ฯลฯ ร้องเรียกหากัน
07.30น. ทานอาหารเช้า พร้อมเก็บสัมภาระลงเรือ เดินทางต่อ เพื่อเดินป่าระยะสั้นอีกครั้ง ไปชม ถ้ำประการัง ที่แพ 500 ไร่ จะผ่านแพเพลินไพร แพเชี่ยวหลาน แพสายชล โดยเดินเท้าไปประมาณ 1 กม. เพื่อล่องเรือแพไม้ไผ่ (เครื่องยนต์) แล้วเดินเข้าถ้ำประการัง โดยมีไกด์ท้องถิ่น นำทาง
12.00 น.ทานข้าวเที่ยง ที่ แพเพลินไพร เป็นเมนู อาหารจานเดียว เสร็จแล้วนั่งเรือขึ้นฝั่ง มีรถตู้คันเดินมารับไปอุทยานฯ เขาสก
15.00 น. ถึง เขาสก Tree Resort เป็นบ้านต้นไม้ รีสอร์ทท่ามกลางต้นไม้หลากพันธ์คงธรรมชาติ เก็บสัมภาระเข้าที่พัก
17.00 น.พาไปเล่นน้ำ โหนเชือกให้ลิงดูที่รีสอร์ทเพื่อนบ้าน (จะมีลิงจำนวนมาก) หรือ นึกสนุก หน้าน้ำ จะสามารถล่องแก่งห่วงยางเล่นได้ ( 20 บาท) ค่าเช่าห่วงยางชำระเงินเองค่ะ
19.00 น.รับประทานอาหารมื้อค่ำ สังสรรค์ตามอัธยาศัย…..ง่วงแล้วก็ขึ้นต้นไม้ทันที ขึ้นไปทำไมหรอ ??? คงสงสัย!!!! ก็ขึ้นไปนอนไง ไม่ใช่ลิงไม่ใช่ข่างนี่นา ที่จะนั่งหลับบนต้นไม้ได้ บอกเล่าตลก ๆ ไปงั้นเองค่ะ จริง ๆ แล้ว บ้านต้นไม้ ที่กล่าวถึงนี้ เป็นบ้านพักที่ยกพื้นปูนสูงประมาณ ห้าถึงสิบเมตร ตัวบ้านทั้งหลังจะทำ จากไม้ดัด สาน มีระเบียงให้นั่งเล่น มีห้องน้ำในตัว เป็นห้องพัดลม เตียงคู่ มุ้งสุ่ม พื้นบ้านบางช่วง จะเว้นสำหรับ ลำต้น ไม้ใหญ่นี้ไว้ให้เขาเจริญเติบโตไปตามธรรมชาติ ได้เปลี่ยนบรรยากาศการหลับนอนกันบ้าง Zzzzzzzzzzzzz นอกหน้าต่าง มีแสงวับๆ แวม ๆ ไม่ต้องตกใจนะคะ หิ่งห้อยนั่นเองค่ะ

วันที่สาม อุทยานแห่งชาติเขาสก , ดอกบัวผุด สวนโมก หัวหิน

07.00 น.เก็บสัมภาระมาที่รถตู้ ทานอาหารเช้า
หากมีดอกบัวผุดติดต่อเจ้าหน้าที่ พร้อมอาหารกล่องปิคนิคในป่า บาน หรือ ตูม ไปวัดดวงกันค่ะ หากไม่มีดอกบัวผุด จะบาน หรือ ตูม คณะทัวร์เลือกไม่เดินป่า เน้นพักผ่อน ก็ได้ค่ะ
09.00 น.จะพาเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติเขาสก ชมวีดีโอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวประมาณ 15 นาที จากนั้นพักผ่อนอัธยาศัย
11.00 น. รับประทานอาหารเที่ยง ที่รีสอร์ท ได้เวลาก็เดินทางกลับ กทม แวะซื้อของฝากรายทาง เช่น สวนโมก ซื้อเทปธรรมะ หนังสือธรรมะ ขนมเต้าส้อชื่อดังทำสด ๆ ใหม่ ๆ ออกจากเตาร้อน ๆฯลฯ แวะทานอาหารค่ำ โต้รุ่งที่หัวหิน (จ่ายเงินเอง)
24.00 น. โดยประมาณ ถึง กทม

ราคาท่านละ 3,900.00 บาทถ้วน

(อาหาร 8 มื้อ) เดินทางโดยรถตู้วีไอพีทรงสูง นอนแพ นอนบ้านต้นไม้ ราคาเด็ก 3,400 บาทถ้วน (กรณีจองที่นั่งเหมือนผู้ใหญ่ และ นอนกับผู้ปกครอง) (อายุต่ำกว่า 12 ปีขึ้นไป)ราคาเด็ก 1,500 บาทถ้วน (กรณีนั่งกับผู้ปกครอง และ นอนกับผู้ปกครอง) (อายุต่ำกว่า 12 ปีขึ้นไป)ราคาเด็ก อายุต่ำกว่า 5 ขวบ ฟรีตลอดรายการ

ราคาท่านละ 3,600.00 บาท

คืนแรกนอนแพ คืนสอง นอนเต็นท์ ที่ อช. เขาสก เหมาะสำหรับกรุ๊ปเหมาเท่านั้น หรือ พร้อมใจกันเลือกนอนที่ใดที่หนึ่งเท่านั้น ไม่สะดวกแบ่งดูแลค่ะ

อัตรานี้รวม

ค่าใช้จ่ายตลอดทริป เริ่มจาก กทม . ยกเว้นอาหารมื้อเย็นขากลับสิ่งที่ต้องเตรียม
1. ไฟฉาย
2. ของใช้ส่วนตัว
3. รองเท้ารัดส้น หรือ รองเท้าผ้าใบที่แห้งไวลักษณะของทริป เป็นทริปแค้มคาร์ หนักเบาสลับกันสามารถไปกันได้ทั้งครอบครัวรวมถึงเด็ก หากไม่ต้องการเดินไปเที่ยวถ้ำน้ำทะลุ ท่านสามารถหากิจกรรมทำได้ เช่น พายเรือคยัค เล่นน้ำ หรือนอนเล่นอ่านหนังสือ หรือนอนคอยในเรือ เดินทางได้ทั้งปี รับจัดเป็นหมู่คณะ สามารถเลือกวันเดินทางได้เอง บริการรับส่งถึงที่ ด้วยรถตู้วีไอพีทรงสูง

สนใจติดต่อเบอร์ตรงได้ที่ 081-4977974 หรือ 02-8889097 หรือ mamgapee@hotmail.comหรือจองโปรแกรมเดินทางได้ตามวันและเวลาที่ได้ระบุไว้ด้านล่างนี้ค่ะ กำหนดเดินทาง รับจัด ทั้งปีค่ะ สามารถเลือกวันเดินทางได้เองเลยค่ะ กรณีมาเป็นหมู่คณะมีส่วนลดให้ เช่น ฟรีสำหรับหัวหน้าคณะทัวร์ และ ลดค่าใช้จ่ายทัวร์ได้ทั้งคณะ เชิญปรึกษาเราได้ค่ะ หรือจะปรับโปรแกรม ลดหรือเพิ่ม ก็ได้ตามความต้องการค่ะ ตามงบประมาณ

ดอกบัวผุด


ดอกบัวผุด
ดอกไม้พืชมหัศจรรย์แห่งเทือกเขาสก
, จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ในบรรดาพืชพรรณทั้งหมดที่มีอยู่ในโลก บัวผุดหรือ Rafflesia ถือว่าเป็นดอกไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เพราะบัวผุดชนิด Rafflesia arnoldii ที่สำรวจพบในอินโดนีเซียนั้น มีเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 100 เซนติเมตร ส่วนบัวผุดพันธุ์ไทย หรือ Fafflesia kerrii มีดอกขนาดเล็กกว่า แต่ก็ยังคงมโหฬารไม่ใช่เล่น คือ 50-90 เซนติเมตร ยามที่มันออกดอกสีปูนแดงสดใสอย่กลางป่าดิบเขียวชอุ่มนั้น ถือเป็นภาพที่น่าตื่นตามากบัวผุดหรือที่ชาวบ้านทางภาคใต้ของไทยเรียกว่า "บัวตูม" จริง ๆแล้วเป็นพืชกาฝากซึ่งมีลักษณะเป็นเส้นใยอาศัยอยู่ในรากและลำต้นของเถาไม้เลื้อยวงศ์อง่นป่า ชื่อ "ย่านไก่ต้ม" โดยบัวผุดจะอาศัยดูดกินแร่ธาตุและน้ำจากย่านไก่ต้ม โดยต้นแม่ก็ยังคงมีชีวิตอยู่

พวกเราจะเห็นบัวผุดได้ก็เฉพาะยามเมื่อมันต้องการผสมพันธุ์กัน คือ จะเริ่มมีตาดอกเป็นปุ่มกลมเล็กๆ โตขึ้นที่ผิวของย่านไก่ต้ม แล้วใช้เวลา 9 เดือน ขยายขนาดจนเท่ากับหัวกะหล่ำยักษ์ จากนั้นก็ใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน ในรอบปีให้ดอกบาน ทว่าดอกตัวผู้และดอกตัวเมียแยกกันอยู่ จึงต้องเหมาะเหม็งมากในช่วงเวลาบานแมลงวันจึงจะช่วยผสมเกสรให้ได้ จึงถือว่ามีความเสี่ยงสูงในการสูญพันธุ์ชาวป่ามาเลเซีย อินโดนีเซีย รวมถึงไทย มีความเชื่อว่าดอกตูมของบัวผุด ถ้านำมาต้มให้หญิงหลังคลอดบุตรดื่ม มดลูกจะเข้าอู่เร็วขึ้น ซึ่งได้มีการพิสุจน์ทางการแพทย์แล้วว่า ไม่มีสรรพคุณดังกล่าวแต่อย่างใด ในเมืองไทยจะพบบัวผุดได้ตั้งแต่คอคอดกระ จังหวัดระนอง เรื่อยลงไปตามแนวเทือกเขาภูเก็ต จนสุดชายแดนที่นราธิวาส

โดย อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นแหล่งชมบัวผุดแหล่งใหญ่ที่สุด มีบัวผุดทยอยบานให้ชมทั้งปี แต่เป็นที่นิยมไปชมกันมากในฤดูแล้งช่วงเดือนพฤศจิกายน- เมษายน เพราะดินป่าง่าย แต่เขาสกก็ได้ผ่านบทเรียนอันเจ็บปวดมาแล้วจากอดีตในการสูญเสียบัวผุดที่ควนลูกช้าง เพราะในอดีตยังขาดความเข้าใจในชีวิตอันเปราะบางของมัน จึงมีผู้แห่กันไปชมบัวผุด โดยมีการเหยียบย่ำเถาย่านไก่ต้ม เหยียบย่ำดอกอ่อน และเหยียบย่ำตาดอกขนาดเล็กที่เพิ่งผุดขึ้นมา (โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์) ทั้งนี้เพื่อเข้าไปชมและถ่ายรูปกับดอกบัวผุดให้ใกล้ชิดที่สุด ส่งผลให้บัวผุดสาบสูญไปจากควนลูกช้าง

แม้ปัจจุบันบัวผุดบริเวณกิโลเมตรที่ 111 และที่เขาสองน้อง ก็มีจำนวนดอกลดน้อยลง และขนาดดอกในรอบ 2 ปี (พ.ศ. 2545-2546) ที่ผ่านมาก็เล็กลงจนน่าตกใจทีเดียวอุทยานแห่งชาติเขาสก และทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เล็งเห็นความเร่งด่วนของสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้ออกมาตรการป้องกันรักษาดอกบัวผุด โดยออกสำรวจ เมื่อพบดอกใกล้บานจะทำการล้อมรั้ว ติดป้ายห้ามเข้าใกล้ดอก และสร้างสะพานไม้ยกระดับให้ยืนชมดอกอยู่ห่าง ๆ บนสะพานไม้ ไม่ให้มีการลงไปเหยียบย่ำพื้นดินหรือเถาย่านไก่ต้มอีกต่อไป นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้ชาวบ้านเป็นไกด์ท้องถิ่นพานักท่องเที่ยวเข้าชมบัวผุด เพื่อให้เกิดรายได้แก่ชุมชนอันจะนำมาซึ่งความรัก ความเข้าใจ ความหวงแหน และการอนุรักษ์แหล่งชมดอกบัวผุดได้อย่างยั่งยืนตลอดไป

ถ้ำประกายเพชร

ถ้ำประกายเพชร

อุทยานแห่งชาติเขาสก , จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ภายในอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกมากมายที่รอให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชม โดยเฉพาะถ้ำประกายเพชร เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีความสวยงามแปลกตา มีหินปะการัง หินงอก หินย้อย ทีมีเอกลักษณ์โดดเด่น ความยาวภายในถ้ำประมาณ 100 เมตร เหมาะสำหรับให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชมความงดงาม ซึ่งอุทยานแห่งชาติเขาสก ได้เข้าไปสำรวจความเหมาะสมและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่จะไปเที่ยวชม ปรากฏว่าเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมอีกสถานที่หนึ่ง เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเทียวภายในอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา และทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศได้ประทับใจในการเข้ามาท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี

สนใจติดตามโปรแกรมได้ที่นี่

อุทยานแห่งชาติเขาสก

อุทยานแห่งชาติเขาสก
ดินแดนศูนย์กลางของ “ขุนเขาแห่งป่าฝน” เป็นผืนป่าดิบชื้นผืนใหญ่ที่สุดและมีความสำคัญของภาคใต้อันประกอบไปด้วยอุทยานแห่งชาติเขาสก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยัน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา อุทยานแห่งชาติศรีพังงา และอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง มีพื้นที่ทั้งสิ้น 2,296,879.5 ไร่ มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง อุดมไปด้วยพืชพรรณมากมายหลายชนิด ทั้งพืชพรรณที่หายากและเป็นพืชเฉพาะถิ่น อันได้แก่ บัวผุด ปาล์มเจ้าเมืองถลางหรือปาล์มหลังขาวและปาล์มพระราหู นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด โดยเฉพาะพบสัตว์ป่าสงวนถึง 4 ชนิด คือ เก้งหม้อ เลียงผา สมเสร็จ และแมวลายหินอ่อน และประกอบกับสภาพพื้นที่มีทิวทัศน์ ที่สวยงาม มีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติทั้งน้ำตก หน้าผา ถ้ำ และ ทิวทัศน์เทือกเขาหินปูนที่ตั้งตระหง่านเหนือผืนน้ำอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา จนได้รับฉายาว่า กุ้ยหลินเมืองไทย

อุทยานแห่งชาติเขาสกอยู่บริเวณตอนใต้ของประเทศไทย ระหว่างเส้นรุ้งที่ 08 องศา 50 ลิบดา 43 พิลิบดา – 09 องศา 17 ลิบดา 24 พิลิบดา เหนือ และระหว่างเส้นแวงที่ 98 องศา 30 ลิบดา 44 พิลิบดา – 98 องศา 90 ลิบดา 13 พิลิบดา ตะวันออก มีอาณาเขตทิศเหนือจดเขตรักษาพันธุ์สัตวป่าคลองแสง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา ทิศใต้จดนิคมสหกรณ์พนม ทิศตะวันออกจดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสงและเขื่อนรัชชประภา และทิศตะวันตกจดอุทยานแห่งชาติศรีพังงา สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นภูเขาดินและภูเขาหินปูนสูงสลับซับซ้อน โดยเฉพาะช่องแคบเขากาเลาะมีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนที่มียอดแหลมระเกะระกะ มีแนวหน้าผาสูงชันบางแห่งเป็นแท่งสูงขึ้นไปในอากาศคล้ายหอคอยสูง ที่ราบมีไม่มาก มีสภาพป่าเป็นป่าดงดิบที่สมบูรณ์มากเป็นป่าต้นน้ำลำธารของคลองศกและคลองพะแสง ไหลมาบรรจบรวมกันเป็นต้นกำเนิดของคลองพุมดวง ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งที่สำคัญของแม่น้ำตาปี จุดสูงสุดมีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 961 เมตร โดยเฉลี่ยสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 200 เมตร และลักษณะดินโดยทั่วไปเป็นดินเหนียวปนทรายมีสีแดง บางแห่งเป็นดินลูกรังแต่มีส่วนน้อยพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติด้านทิศเหนือเกือบทั้งหมด เป็นทะเลสาบที่เกิดขึ้นจากการสร้างเขื่อนรัชชประภา ซึ่งสร้างปิดกั้นคลองพะแสง มีขนาดใหญ่ประมาณ 168 ตารางกิโลเมตร ก่อให้เกิดเกาะเล็กเกาะน้อยประมาณ 162 เกาะ พื้นที่ประมาณ 14.06 ตารางกิโลเมตร เกาะเล็กเกาะน้อยนี้ก็คือ ส่วนที่โผล่พ้นน้ำของเขาหินปูนนั่นเอง ก่อให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงามยิ่ง



เขื่อนรัชชประภา
เขื่อนรัชชประภา หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เขื่อนเชี่ยวหลาน เป็นเขื่อนอเนกประสงค์ที่สร้างปิดกั้นคลองพระแสง ตัวเขื่อนเป็นหินทิ้งแกนดินเหนียว สูง 95 เมตร ยาว 700 เมตร ระดับสันเขื่อนสูง 100 เมตร อ่างเก็บน้ำครอบคลุมพื้นที่ 165 ตารางกิโลเมตร ภายในอ่างเก็บน้ำมีเกาะมากกว่า 100 เกาะ สามารถล่องเรือชมทัศนยภาพที่สวยงามมาก โดยเฉพาะบริเวณช่องแคบเขากาเลาะ บนสันเขื่อนรัชชประภายังเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่งดงามของอ่างเก็บน้ำ โดยเฉพาะยามดวงอาทิตย์ตก เขื่อนเชี่ยวหลานอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 65 กิโลเมตร ทางเข้าอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 57-58 บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 401 ไปอีกประมาณ 12 กิโลเมตร



สนใจโปรแกรมท่องเที่ยว เขาสก นอนแพโตนเตย นอนบ้านต้นไม้





ตั้งน้ำ
มีลักษณะเป็นภูเขาที่ถูกน้ำกัดเซาะจนขาดออกจากกัน ทำให้กลายเป็นหน้าผาหันหน้าเข้าหากัน มีลำคลองศกไหลลอดผ่านเบื้องล่าง เป็นวังน้ำลึกมาก มีปลาชุกชุม อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ประมาณ 6 กิโลเมตร ห่างจากน้ำตกวิ่งหินประมาณ 3.2 กิโลเมตร ต้องเดินทางโดยทางเท้าประมาณ 3.2 กิโลเมตร

วันอาทิตย์, เมษายน 27, 2551

แวะ สนามบินสุวรรณภูมิ

เมื่อวานไปส่งทริปเวียดนาม พบบรรยากาศ น่าสนใจของ สนามบินเลยเอามาฝาก





IMG0069A
IMG0070A
IMG0071A
IMG0073A

แขกปากีสถาน กำลังนั่งเรียงถุงข้าวเหนียวแบบ ถุงละ 1 kg ของบ้านเรา ใส่กระเป๋า เดินทาง
มากกว่า 20 กว่าถุง ข้างๆ ยังมีถุงถั๋ว แดง และที่ใส่กระเป๋าไปแล้วอีก 1 ใบ
อย่างนี้ คงจะบอกได้อย่างเดียว ว่า สถานการณ์ข้าวแพง อีนเทรน จริงๆ

IMG0074A
ตรงช่อง checkin ของ airasia ก็เจอกับ นักเดินทาง คงจะมาต่อเที่ยวบินไปไหนต่อ แต่ในขณะ
นั้น เวลา 8 โมงกว่า เที่ยวบิน ทัวร์ต่างๆ มาส่งลูกค้าเสียงคุย ผู้คนขวักไขว่
เคาคนนี้ ยังนอนหลับตาพริ้ง ต้องนับว่ายอดของนักเดินทางอย่างแท้จริง